Mukmik Space

Just another WordPress.com site

อาทิตย์ลับฟ้า ณ ภูเรือ

บน ธันวาคม 6, 2011

20/11/2011   เคยไปที่สูง ๆๆ กันหรือเปล่า  พวกคุณว่า หนาวมั้ย  

                                               เค้าว่ากันว่า ยิ่งสูง ยิ่งหนาว  มันเป็นเรื่องจริง ค่ะ   เรามาที่นี่  ด้วยประสงค์ของสาวน้อยคนนึงที่ภูมิใจนำเสนอทริปพระอาทิตย์ตก ณ ภูเรือ เธอบอกว่าที่นี่อากาศหนาวมาก  เราก็เตรียมตัวให้เหมาะกับอากาศโดยเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้น กับ เสื้อตัวยาว ๆ 1 ตัว  ระหว่างทางขี้นภูอากาศหนาวเย็นเริ่มเข้ามาประทะกับเราแล้วละค่ะ …..  สามารถเปิดกระจก รับลมหนาว ๆๆกันได้เลย   ดีกว่า แอร์คอนนิชันเนอร์ในรถเสียอีก   ฉันเปิดกระจกลงมาครึ่งนึง รับลมเย็นไปพร้อม ๆๆ กับกลิ่นไอของธรรมชาติ   โว้วววววววววววว  สดชื่นจังเลยอ่ะ    ได้สักพัก ก็ต้องเอนตัวซุกตัวกับเบาะที่นั่งด้านข้างคนขับ ….. ไม่กล้าเอาหน้าไปปะทะลมเย็นตรง ๆๆ เรายิ่งขี้นมาสูง อุณภูมิอากาศยิ่งต่ำลงไปเรื่อย ๆ  พร้อม ๆๆ กับ เส้น ทางที่เริ่มคดเคียวไต่ไปตามเนินเขาสูงขี้นเรื่อย ๆๆ ค่ะ   วันนี้้ได้คนขับแสนดี  ขับรถเข้ามาตามถนนที่คดเคี้ยว เส้นนี้โดยไม่บ่น สักคำ (บางทีอาจจะแอบบ่นอยู่ในใจ  คิคิ)  เมื่อมาถึงจุดหมาย    ออ  ที่นี่ ขับรถขี้นมาได้ถึงยอดภูเลยค่ะ จอดรถไว้ที่ลานกางเต้น  ที่เป็นป่าสน  อืมเป็นสนสามใบ นะค่ะ  ช่วงหนาว ๆๆ บรรยากาศคงดีมากเลยละ    ณ จุดนี้ จะมีรถสองแถวของทางอุธยาน ให้บริการค่ะ  เที่ยวละ 10 บาท ระยะทาง ประมาณ 1 กม.  ใครจะเดินขี้นไปก็ได้  แต่เนื่องจากเรามาเย็นมาแล้ว พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงทุกที …………….  ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้    ยอดภูเรือ   สุดหนาวในสยาม

 

 

ขี้นมาบนนี้ตอนบ่ายมากแล้ว  ยังคิดอยู่ว่า จะมาทันพระอาทิตยต์ตกมั้ยนี่  คนขับรถที่แสนดี ก็บอกว่าทันสิ  จากการคำนวน จะระยะของเส้นทาง ต้องทันสิ แต่ด้วยโค้งที่นับไม่ถ้วน  ก็ดูเหมือน อาจจะลังเล เล็กน้อย แต่ ในที่สุดเราก็มาเหยียบ ภูเรือ  ประมาร 5โมงเศษ  บนความสูเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ที่ 1,365 เมตร  จุดนี้เป็นจุดสูงสุดของอุทยาน  เป็นลานหินกว้าง  จะเห็น ต้นสนอยู่สองประเภท คือ สนสองใบ ที่ขี้นตามธรรมชาติ และ สนสามใบ ที่มีการนำมาปลูกเพิ่ม  จากจุดนี้ ถ้าวันฟ้าโปร่งเราจะเห็นแม่น้ำโขงได้เลยทีเดียว

แต่สำหรับวันนี้  ไม่รู้ว่าด้วยเพราะแสงพระอาทิตย์ ที่เริ่ม จะลาลับฟ้า หรือ อะไร ทำให้มองเห็นเป็นหมอกบาง ๆๆ อยู่เบื้องล่าง ลมโชยอ่อน ๆนำพาความเย็น มาปะทะใบหน้า  พร้อมด้วยกลิ่นอายของโอโซนอากาศ บริสุทธิ์มันสดชื่นอย่างนี้ นี่เอง  การได้ท่องเที่ยว ในสถานที่ แบบนี้ ในวันธรรมดา มันดีอย่างนี้นี่เอง เราไม่ต้องไปเบียดเสียดกับผู้คนมากมาย ที่ต่าง มุ่งหน้าหนีความวุ่นวายจากเมืองกรุง   ที่นี่ วันนี้ เงียบสงบ  มีคนเหลือ อยู่บนภูเป็นชุดสุดท้ายของวัน ประมาณ 5 คนเห็นจะได้  ทุกคนต่างทักทายกันด้วยรอยยิ้ม ที่แสดงความเป็นมิตร    มีโอกาศได้คุยกับพี่สาว 2 คน ที่ขี้นมาถ่ายรูป ที่จุดชมวิว  บ้านพี่เค้าที่กรุงเทพ น้ำท่วม เลยถือโอกาศช่วงหนีน้ำ  ชวนกันมาเที่ยวที่ เลย  กันสองคน   เฮ้อ  ตอนเราอายุเท่าพี่ ๆ เค้า เราจะยังมีเพื่อน ที่ยังไปไหนมาไหนแบบนี้อยู่อีกหรือไม่น๊า …. และก่อนกลับ สาวน้อย ได้สะกิดให้เราดูพี่สาวสองคนเดิม แล้ว บอกว่า อนาคตเรา …  ^^   5555  ขอให้เป็นจริงนะที่รัก … ไม่รู้ ว่าสาวน้อย คนนั้น จะจำคำพูดนี้ได้อีกมั้ย  …. แต่อยากจะบอกว่าเราอิ้งเลยทีเดียว หุหุ 

การเดินทาง : จากกรุงเทพ ครั้งนี้ เน้นไปตามเส้นทาง 201 เนื่องจากปลายทางของเราสิ้นสุดที่แม่โขง เชียงคาน โดยออกจากกรุงเทพ  ขับออกไปทางถนนมิตรภาพ สาย 2 /AH12  —>  ผ่านสระบุรี  ออกปากช่อง  สี่คิ้ว  มุ่งหน้าไปทางด่านขุนทด —> ใช้ทางออก 201  เข้าสู่ชัยภูมิ  วิ่งตรงไปเรื่อย ๆๆ  มุ่งหน้า ยังจังหวัดเลย  ผ่านภูกระดึง ตรงไป —> เลี้ยวซ้าย เข้าเส้น 203   เลี้ยวขวา ประมาณ กม. ที่ 50 ตรงที่ว่าการอำเภอภูเรือ ตรงตลาดนัด ในตัวอำเภอค่ะ


9 responses to “อาทิตย์ลับฟ้า ณ ภูเรือ

  1. spiroonyoi พูดว่า:

    เป็นอีกสถานที่หนึ่งในเป้าหมายสำหรับช่วงอากาศเย็นๆ

    • Mukmik พูดว่า:

      เพื่อนบอกว่า ตอนไปเป็นวันหยุด มีเพื่อนร่วมชะตากรรมถ่ายรูปที่ป้ายร่วม สิบ แต่วันที่ไป แทบไม่มีคนเลย มันโปร่ง โล่งสบายมากเลยคะ

  2. spiroonyoi พูดว่า:

    จะบอกว่าจัดรูปแบบ ENTRY นี้ได้สวยงาม น่าอ่านมากครับ

  3. เจ้าหงิญ O_o พูดว่า:

    อยากไปบ้างงงงงงงงงงงงงงงงง (ตะโกนดังๆ)

  4. hud-thu-ka พูดว่า:

    เป็นโรคกลัวความหนาวเลยไม่ได้ไปสักที

ส่งความเห็นที่ เจ้าหงิญ O_o ยกเลิกการตอบ